top of page
Writer's pictureribbiebo

ติดตั้งระบบไฟฟ้าในบ้านอย่างไรให้ปลอดภัย



ปัญหาเกี่ยวกับไฟฟ้าภายในบ้าน ไม่ว่าจะเป็นไฟรั่ว ไฟช็อต ถือว่าเป็นเรื่องที่ค่อนข้างอันตรายทีเดียวและอาจก่อให้เกิดปัญหาตามมาได้หลายอย่าง เพราะฉะนั้นการวางสายไฟ หรือการเลือกใช้อุปกรณ์เพื่อป้องกันสายไฟฟ้าชำรุด และการวางระบบไฟฟ้า ถือว่าเป็นเรื่องสำคัญอย่างมาก เราจึงควรทำความเข้าใจเกี่ยวกับระบบไฟฟ้า โดยเริ่มจากสิ่งพื้นฐานเช่น การเดินระบบไฟภายในบ้าน ซึ่งเป็นสิ่งพื้นฐานในการใช้ไฟภายในบ้าน จึงมีความสำคัญที่เราจะมีความรู้ในการเลือกใช้หรือการวางระบบของไฟฟ้าในบ้านให้ดี


สายไฟฟ้า


โดยปกติสายไฟฟ้านั้นจะมีอายุการใช้งานประมาน 7 ปี ขึ้นอยู่กับสภาพอากาศ สภาพแวดล้อมของการใช้งาน แต่เราควรตรวจสอบสภาพโดยรวมของสายไฟ และหากพบว่าสายไฟเริ่มเปลี่ยนสีเป็นสีเหลืองหรือเริ่มกรอบแตก ควรเปลี่ยนสายไฟใหม่ทันที เพราะหากไม่เปลี่ยนอาจทำให้เกิดไฟไหม้เนื่องจากไฟฟ้าลัดวงจรได้ และควรมีท่อร้อยสายไฟ เพื่อป้องกันสายไฟและยืดอายุการใช้งานได้ โดยเฉพาะสายไฟที่อยู่บริเวณนอกบ้าน เช่น ไฟรั้ว สนาม สายไฟส่วนใหญ่จะไม่มีท่อหุ้ม เมื่อโดนแดดโดนฝนนานๆ ก็จะรั่ว เป็นอันตราย ดังนั้นจึงควรตรวจสอบสภาพของสายไฟอยู่เสมอ เพื่อความปลอดภัย ทั้งตัวเองและผู้อื่นด้วย



การเดินระบบไฟฟ้าให้ปลอดภัย


1. การต่อสายดิน

เครื่องใช้ไฟฟ้ามักมีส่วนประกอบที่ทำจากโลหะ เมื่อมีการชำรุดจะทำให้เกิดไฟรั่วได้ เป็นอันตรายต่อผู้ใช้งานอย่างมาก การต่อสายดินโดยใช้สายไฟฟ้าต่อกับโครงสร้างส่วนที่เป็นโลหะของอุปกรณ์ หรือเครื่องใช้ไฟฟ้าเหล่านั้นลงดิน ก็เพื่อเป็นทางให้กระแสไฟฟ้าที่อาจจะรั่วไหลออกมาจากอุปกรณ์ไฟฟ้าเหล่านั้นไหลลงสู่ดิน โดยผ่านทางสายดินที่ได้ต่อไว้ แทนที่จะไหลผ่านตัวผู้ใช้งานหรือผู้ที่ไปสัมผัส


2. การใช้ฉนวนป้องกันไฟฟ้า

ฉนวนหุ้มสายไฟฟ้าเป็นสิ่งที่ชำรุดฉีกขาดได้ง่าย ไม่ว่าการดึง กระชาก หรือวางสิ่งของทับสายไฟ ก็เป็นสาเหตุของการชำรุดได้ทั้งนั้น นอกจากนี้การต่อสายไฟฟ้าใช้งานชั่วคราวที่มักจะใช้ตะปูตอกกดทับไว้ ก็สามารถทำให้ฉนวนชำรุด กลายเป็นสายเปลือยไปจุดต่อต่างๆ ที่ต่อไว้โดยพันฉนวนป้องกัน ซึ่งจะกลายเป็นจุดอันตราย จึงควรหมั่นตรวจสภาพฉนวนของสายไฟฟ้า หรือสายอุปกรณ์ไฟฟ้าต่างๆ เพื่อหารอยแตกปริหรือฉีกขาด โดยเฉพาะอย่างยิ่งตรงขั้วต่ออุปกรณ์ไฟฟ้า เช่น ขั้วหลอด ปลั๊ก ถ้าพบว่ามีการชำรุดอย่าปล่อยทิ้งไว้ ควรรีบซ่อมแซมหรือเปลี่ยนทันที


3. ใช้สวิตช์ตัดวงจรอัตโนมัติ

อุปกรณ์ไฟฟ้าชนิดนี้เป็นอุปกรณ์ที่สามารถตัดวงจรไฟฟ้าได้ทันทีที่มีกระแสไฟฟ้ารั่วไหลออกจากเครื่องใช้ไฟฟ้า ปกติในวงจรไฟฟ้าจะมีกระแสไฟฟ้าไหลในสายไฟทั้ง 2 สายเท่ากัน แต่เมื่อเกิดมีกระแสไฟฟ้ารั่วไหลลงดิน โดยผ่านร่างกายหรือผ่านตัวนำอื่นๆ ก็ตาม กระแสไฟฟ้าที่ไหลในสายทั้งสองจะไม่เท่ากัน เมื่อเกิดภาวะดังกล่าว อุปกรณ์ตรวจสอบการรั่วของกระแสไฟฟ้าจะส่งสัญญาณไปยังสวิตช์อัตโนมัติ ซึ่งทำหน้าที่ตัดวงจรทันทีก่อนที่จะมีผู้ได้รับอันตรายจากกระแสไฟฟ้า นับว่าเพิ่มความปลอดภัยให้แก่ผู้ใช้เป็นอย่างมาก แต่อุปกรณ์ชนิดนี้มีราคาแพง เอาเป็นว่าถ้าอยากเซฟชีวิตมากขึ้นก็ต้องลงทุนกันสักหน่อยค่ะ


การดูแลและปฏิบัติเหล่านี้ ถือว่าเป็นสิ่งจำเป็นมากๆเลยนะคะ สำหรับบ้านและคนในบ้านของเรา เพราะไฟฟ้าเป็นสิ่งที่เราต้องใช้เป็นประจำ และการใช้ไฟฟ้าหรือการเดินไฟฟ้าให้ถูกต้องถือว่าเป็นสิ่งสำคัญเป็นอย่างมากเลยค่ะ ไม่เพียงช่วยในเรื่องของความปลอดภัย ยังช่วยประหยัดทรัพย์สินได้ด้วยนะคะ

235 views0 comments

Comments


bottom of page